วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2552

(((Christmas at KMUTT)))


วันคริสต์มาสที่จริงแล้วมันตรงกับวันที่ 25 ธันวาคม

แต่ทางชมรมคริสต์เตียนได้จัดงานฉลองวันคริสต์มาสขึ้นก่อน

ในวันที่ 18 ธันวาคม 2552 ที่ผ่านมานี้

วันคริสต์มาส เป็นวันที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์นั้นต่างฉลองกัน

เนื่องในวันประสูติของพระเยซู หรือ God

ที่จริงก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันหรอก แต่ในวันนี้

ฉันนั่งดูการ์ตูนกับเพื่อนอยู่ใต้หอหญิง (จะสอบแล้วนะนั่นอ่ะ)

แล้วก้มีพี่จากชมรมคริสเตียนเอากระดาษคำถามเกี่ยวกับวันคริสต์มาสมาให้ตอบ

เพื่อชิงรางวัล (คิดในใจ .. จะได้หรอ เฮ่อ ไม่ค่อยจะมีดวงเท่าไหร่)

แต่แล้วก้เขียนส่งไป ตอบไป ก็ตอบได้นะ แหะๆ คนมานเก่งมั้ง

แล้วเพื่อนก็ไปสอยดาว เพราะซื้อบัตรไว้ ส่วนเราก็...

แบบว่า อยากเล่นเกมส์ ก็เลยเข้าไปร่วมกิจกรรม

แล้วก็มีการจับฉลากกัน อาจารย์ก็จับขึ้นมาเป็นชื่อของฉัน

หลังจากนั้นเขาก็ให้จับฉลากเพื่อนจับหมายเลขรางวัลที่ได้

แล้วก็จับได้หมายเลข 4 ตอนนั้นก็ดีใจมากเลย เพราะชอบเลข 4

แล้วก็มองไปที่กองของขวัญ ยิ่งดีใจ เพราะของขวัญที่ได้คือ

กระเป๋าเป้ ดีใจจัง สงสัยจะเป็นเพราะพระเจ้าอวยพร คงจะเป็นแบบนั้นจริงๆ

ขอบคุณพระเจ้านะค่ะ ที่อวยพรแก่ข้าพเจ้า แล้วก็ขอบคุณพี่ปรอมากเลยนะ

พึ่งรู้จักกันแท้ๆ แต่พี่ปรอก็มาขอพรจากพระเจ้าให้ข้าพเจ้า ซึ่งก็ได้รางวัลทั้งคู่

แล้วก็คงจะเป็นพรจากพระเจ้าจริงๆ

วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552

.....Dance with my father.....

Back when I was a child, before life removed all the innocence.
My father would lift me high and dance with my mother and me and then.
Spin me around ‘til I fell asleep.
Then up the stairs he would carry me.
And I knew for sure I was loved.
If I could get another chance, another walk, another dance with him.
I’d play a song that would never, ever end.
How I’d love, love, loveTo dance with my father again.
When I and my mother would disagree.
To get my way, I would run from her to him.
He’d make me laugh just to comfort me.
Then finally make me do just what my mama said.
Later that night when I was asleep.
He left a dollar under my sheet.
Never dreamed that he would be gone from me.
If I could steal one final glance, one final step, one final dance with him.
I’d play a song that would never, ever end.
‘Cause I’d love, love, love.
To dance with my father again.
Sometimes I’d listen outside her door.
And I’d hear how my mother cried for him.
I pray for her even more than me.
I pray for her even more than meI know .
I’m praying for much too much.
But could you send back the only man she loved.
I know you don’t do it usually.
But dear Lord she’s dying.
To dance with my father again.
Every night I fall asleep and this is all I ever dream.
_____________________________
เอาเพลงมาฝากอ่ะ เพราะดีนะ

LNG 16/12/09


วันนี้ เริ่มการเรียนด้วยฟังเพลง
..Dance with my father..
ซึ่งเป็นเพลงของ Luther Vandross
โดยอาจารย์ให้ฟังเพลงจากการประกวด x-factor
แล้วให้นำคำมาเติมในช่องว่างที่ได้จากการฟังเพลง
ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ฟังยากมากเลย
กว่าจะได้คำมาใส่ในช่องว่างได้ก็ต้องฟังกันอยู่หลายรอบ
จนสุดท้ายอาจารย์ก็ต้องเฉลย
ฉันคิดว่า เป็นการฝึกการฟังที่ดีมากเลยนะ

จากนั้นอาจารย์ก็เอาเนื้อเพลงมาให้ดู
และอธิบายเนื้อเพลงให้ฟัง
ทำให้รู้ว่าสาเหตุที่กรรมการในการประกวด x-factor
นั้นร้องไห้ หลังจากที่ได้ฟัง Joe McElderry ร้องเพลง
เพราะเนื้อเพลงได้กล่าวถึงพ่อ ซึ่งมีความหมายดีมากเลยสำหรับเพลงนี้
ฟังเพลงแล้วก้รู้สึกขนลุกกันเลยทีเดียว
แบบว่า คิดถึง พ่อกับแม่ จังเลย
อยากกลับบ้านแล้วนะ

หลังจากที่ฟังเพลงไปแล้ว ก็มี quiz การใช้ PREPOSITION
ให้ทำ quiz เป็นคู่ ซึ่งก็ยากน่าดูเลยทีเดียว
เมื่อ quiz เสร็จก็มีการ present เรื่อง Adjective และ Adverbs
ซึ่งเพื่อนที่ออกไปpresent ก็จะมีแบบฝึกให้ทำ ก็สนุกดี

โอ๊ะโอ ลืมไปเลย วันนี้มีนักศึกษาจาก ม.ธรรมศาสตร์มานั่งเรียนด้วย
สงสัยจังเลย เขามาทำอะไรอ่ะ

ตอนนี้ไปก่อนดีกว่า อ่านหนังสือกันดีกว่านะ สอบเคมีอีกแล้ว
สู้ๆ Get A อุ้ยวันนี้ไปไหว้พระจอมฯมาด้วย
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552

...LNG 102....

อ่านหนังสือไม่ค่อยจะรู้เรื่องเลย
ก็เลยแวะเข้ามาบรรยายอะไรซักหน่อย

ตอนนี้ก็เรียน LNG 102 มาครึ่งเทอมแระ
เรียนกับ อ.อธิปัตย์ ตอนแรกก็กลัวๆนะ ว่า อ.จะดุไหม
จะโหดเหมือนกลุ่มอื่นรึป่าว แต่ก็ไม่นะ ในความรู้สึก
แถมยังเอาคลิปที่ประกวด x-factor มาให้ดูด้วย
มันก้เหมือนการประกวด the star ของประเทศเราแหละ
มีการขึ้นไปแสดงบนเวทีในแต่ละสัปดาห์ แล้วให้กรรมการ
คอมเม้นเกี่ยวกับการแสดงของแต่ละคน เมื่อกรรมการคอมเม้น พวกเราในคลาสก็จะตั้งใจฟังกันมาก แบบว่า ลุ้นแทนอ่ะ
คนประกวดเองคงตื่นเต้นเหมือนกัน ตอนฟังกรรมการคอมเม้นก็ ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ก็เดาๆเอาอ่ะ สนุกดี ฝึกการฟังไปด้วย
สนุกดี ได้คำศัพท์ใหม่ๆก็เยอะ ลืมไปก็เยอะ ฮ่าๆ แต่ที่น่าตื่นเต้น อ.กำลังจะมี quiz พรุ่งนี้แล้วอ่ะ อ่านก็ไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่
แต่ก็ต้องอ่านต่อไป แหะๆ สาธุ ขอให้ข้อสอบไม่ยากนะ

วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552

....โดนทิ้ง.....

อีกไม่กี่วันก้จะสอบ midterm แล้ว
ยังอ่านหนังสือไม่ถึงไหนเลยอ่ะ
ทำไงดี ฮ่าๆๆๆ
วันนี้ก็มีเรียน MTH 102
วิชาเดียว ซึ่งมันก้เป็นสาเหตุของการ....โดนทิ้ง....
เพราะว่า เพื่อนๆม่ะยอมไปเรียน
(แอบงอล เชอะ มาง้อด้วย)
วันนี้เรียนเรื่อง Complex number
คุ้นๆนะ เหมือนตอนเรียน ม.ปลายเลยอ่ะ
แต่.....................
ทำไมมันได้แค่คำว่าคุ้นอ่ะ
ลืมไปแล้วว่าทำยังไง
ต้องกลับมาทบทวนกันเลยทีเดียว
แล้วก็ปิดคอสด์แล้วด้วย อาจารย์ก็อวยพรนะ
....ตั้งใจทำข้อสอบ
ทำข้อสอบไม่มีคำว่า โชค D (ก็จะเอา A อ่ะ)
มีแต่คำว่า ทำได้ ทำถูก ไม่มีโชคช่วยหรอกนะ (ก็จิงอ่ะ)...
((((แต่ไงก้สู้ตายนะ เฮ้อ)))))
___________________
เหนื่อยจัง อยากกลับบ้านแล้ว
Ps.เพื่อนๆก็สู้ๆนะ ตั้งใจอ่านหนังสือด้วยล่ะ

.........อ่านแล้วรู้สึกผิด.........





เรื่องนี้เป็นเพราะความบังเอิญที่บ่ายวันนั้นฝนตก
ตัวเองก็รีบจะไปเจอเพื่อนที่รออยู่บีทีเอสหมอชิต
ตัดสินใจรีบวิ่งขึ้นแท็กซี่ที่จอดเรียงกันอยู่
โดยไม่มองว่ารถคันนั้นมีสภาพยังไง
เข้ามานั่งแล้วถึงได้รู้ว่าเป็นรถแท็กซี่รุ่นเก่า
(คันเล็ก แอร์ไม่เย็น แล้วก็จะมืดๆหน่อยอ่ะค่ะ
คือมองจากข้างนอกจะเห็นข้างในไม่ค่อยชัด)


ตอนนั้นก็คิดแค่ว่า เออ แค่นี้เอง เดี๋ยวก็ถึง ร้อนหน่อย ไม่เป็นไร
นั่งไปได้สักพัก รถติด
คุณลุงคนขับรถก็หันมาถามประมาณว่ามีแบงค์ย่อยรึเปล่า ลุงไม่มีเงินทอน
"นี่เป็นรอบแรกของวันนี้เลย" เราเห็นว่าตอนนั้นมันจะสี่โมงเย็นแล้ว
แต่ลุงบอกว่าเป็นเที่ยวแรกของวันนี้ ก็เลยถามว่า
"ลุงเข้ากะบ่ายหรือคะ?"
คุณลุงตอบกลับว่า "ลุงขับมาตั้งแต่ตีสี่แล้ว นี่รถของลุงเอง
วนไปวนมาอยู่หลายรอบแล้ว แต่ไม่มีลูกค้าเลย"
"อ้าว ทำไมล่ะคะลุง" ตอนนั้นก็ชวนคุณลุงคุยแบบไม่ได้ติดใจอะไร ถามไปเรื่อย
"รถลุงเก่า คนเค้าก็ไม่อยากนั่ง แต่ลุงเข้าใจนะ มันก็เป็นเงินของเค้า
รถเก่า รถใหม่ ค่าโดยสารมันเท่ากัน เป็นลุงลุงก็อยากได้ที่มันดีๆเหมือนกัน
เด็กๆเดี๋ยวนี้เค้าก็ชอบรถที่มีสีๆกัน"
น้ำเสียงคุณลุงตอนนั้น เป็นน้ำเสียงเหมือนจะขำๆ
แบบเล่าสู่กันฟังมากกว่าจะประชดประชันนะคะ
แล้วลุงก็เปลี่ยนเรื่อง ถามว่า "รถไฟฟ้านี่ เค้าคิดเงินกันยังไง"
ก็เลยอธิบายเรื่องราคาให้ลุงฟัง แล้วลุงก็ถามว่าทำยังไง
ถ้าทำไม่เป็นจะมีใครช่วยไหม "ลูกชายลุงมันอยากจะลองนั่ง
แต่ลุงก็ทำไม่เป็น ไม่เคยเห็นว่าเป็นยังไง
ไม่กี่วันจะถึงวันเกิดมันแล้ว ลุงสัญญาว่าจะพามันมานั่งดูสักรอบ
คงจะชอบนะหนู ลุงเคยพามันมาดู แต่วันนั้นไม่มีเงินจะให้นั่ง"

สมัยนั้น บีทีเอส สร้างเสร็จและเปิดใช้งานแล้วเกือบสามปี
น้ำเสียงตอนคุณลุงเล่า ฟังดูมีความสุขนะคะ คุณลุงยิ้มให้เราทางกระจก
คำพูดของคุณลุง ทำให้เราตื้อขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี ได้แต่พยักหน้าแล้วก็ยิ้มตอบ
ทั้งสองเรื่องที่ลุงพูดมา เรื่องรถแท็กซี่เก่าของลุง
เราฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆให้ลุงไป เพราะเราเองก็รู้ตัวดีอยู่ว่า เป็นหนึ่งใน
"เด็กๆเดี๋ยวนี้"
ที่มักจะเลี่ยงนั่งรถเก่าๆ และมักจะยอมเสียเวลาเป็นครึ่งชั่วโมง
เพื่อรอรถแท็กซี่ใหม่ๆผ่านมา
เรารู้ดีว่าแม้แต่การนั่งรถของคุณลุงในครั้งนี้
มันก็เป็นแค่ความบังเอิญ ถ้าฝนไม่ตก ถ้าเราไม่รีบ เราก็คงไม่เรียกรถของคุณลุง
หลังจากนั้นเราก็คิดว่ามันอาจจะเป็นเรื่องของสิทธิส่วนบุคคลที่เราสามารถเลือกในสิ่งที่เราต้องการได้
แต่ถ้าสิ่งที่เราเลือกทำมันมีประโยชน์กับคนอื่นด้วย เราก็ไม่คิดว่ามันจะเสียหายอะไร
(แท็กซี่ใหม่ก็ไม่ผิดหรอกค่ะ เพราะในจำนวนนั้นก็มีคนที่ลำบาก หาเช้ากินค่ำเช่นกัน) ?
ส่วนเรื่องรถไฟฟ้า เรื่องของลูกชายคุณลุง ทำให้เรากลับมามองตัวเอง
เราใช้รถไฟฟ้าไปไหนมาไหนตลอด บางครั้งไม่มีอะไรทำก็ชอบไปนั่งเล่นด้วยซ้ำ
จะใช้ทีก็แทบจะไม่ต้องคิดเลย แต่สำหรับลูกชายคุณลุง มันคือ "ของขวัญวันเกิด"
เป็นความต้องการที่แทบจะต้องใช้คำว่า "ความฝัน" ด้วยซ้ำ ....
เงิน "แค่" สิบห้าบาทของเรา กับ เงิน "ตั้ง" สิบห้าบาท ของเค้า
หดหู่ค่ะ วันนั้นลงจากรถคุณลุงมาก็เล่าให้เพื่อนฟัง
คิดถึงตัวเองที่ใช้เงินฟุ่มเฟือย ทั้งที่หาเงินเองไม่ได้
คิดถึงหลายๆอย่างในชีวิต ที่ได้มาง่ายๆ
โดยไม่ต้องดิ้นรน ?

oh! no! my blog

WoW!!

และแล้วก้มี blog เป็นของตัวเอง

แต่ๆ....

งงอ่ะ
ทำยังไงเนี่ย
ม่ะค่อยจาเข้าใจ
แต่ก็จะพยายามทำนะ
สู้ๆ